ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 ที่ สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ทีมชาติไทย อันดับ 113 ของโลก พบ ทีมชาติเลบานอน อันดับ 100 ของโลก รายการนี้ถือเป็นรายการเก่าแก่ของไทย อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมของทีม “ช้างศึก” เพื่อโปรแกรมฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย และ ฟุตบอลเอเชียนคัพ ไทยเป็นแชมป์มาแล้ว 15 ครั้ง แต่ไม่ได้แชมป์มาแล้ว 4 สมัยหลังสุด โดยผลงานของ มาโน่ โพลกิ้ง ในการเจอกับทีมตะวันออกกลาง เจอมาแล้ว 5 ครั้งแพ้ไป 4

ทางฝั่ง อเล็กซานเดอร์ อิลิช กุนซือชาวยูโกสลาเวีย มีนักเตะที่แฟนบอลไทยรู้จักคือ บาสเซล จราดี กองกลางของพวกเขาที่ค้าแข้งอยู่กับ “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในศึกไทยลีก รวมไปถึง ฮาสซัน ซูนี่ ซาอัด ที่เคยมาเล่น ไทยลีก ช่วงหนึ่งกับ พัทยา ยูไนเต็ด และ พีที ประจวบ เอฟซี

นาทีที่ 10 ธีราทร ไหลให้  นิโคลัส มิคเคลสัน ได้ยิงแต่บอลเบาไปเข้ามือผู้รักษาประตูทีมเยือน

อีก 5 นาทีต่อมา เลบานอน มีโอกาสบ้าง ฮาสซัน ซูนี่ ซาอัด กดด้วยขวาหวังยิงเสาแรกแต่ ฉัตรชัย บุตรพรม ตบทิ้งออกหลังไปได้

นาที 19 สุภโชค สารชาติ ให้บอลทะลุช่องไปในเขตโทษหวังจะให้  ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ แต่ไม่รู้กันเสียจังหวะลุ้นประตูอย่างน่าเสียดาย

นาที 21 โอกาสทองของทีมไทยที่จะได้ประตูเมื่อ ธีรศิลป์ แดงดา หลุดกัปดักล้ำหน้าแต่ก็ยิงไปติดเซฟ มอสตาฟา มาตาร์ ผู้รักษาประตูเลบานอน

เกมเข้าสู่ครึ่งชั่วโมง ไทย ได้ลุ้นอีกครั้ง นิโคลัส มิคเคลสัน โหม่งจ่อๆ กดลงพื้นบอลกระดอน มอสตาฟา มาตาร์ ปัดกระดอนไปโดนเสา

นาทีที่ 36 เลบานอน เกือบได้ประตูขึ้นนำเหมือนกัน เมื่อ ฮัสซัน มาทุ๊ก กัปตันทีม ปั่นด้วยขวาบอลไปชนเสาสอง

นาที 44  ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ได้สอดมาขึ้นโหม่ง แต่บอลข้ามคานไปเยอะเหมือนกัน

ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก 45+3 ทีมชาติไทย มาได้ประตูขึ้นนำสำเร็จ จากจังหวะที่ บดินทร์ ผาลา ลากขึ้นมาเกือบสุดเส้นทางซ้าย ก่อนเปิดเข้ามาบอลแฉลบ จีฮัค อายุบ ทำเข้าประตูตัวเองไป และจบครึ่งแรก ไทย นำ เลบานอน 1-0

กลับมาครึ่งหลังนาทีที่ 48 ไทยทักทายก่อนจาก สารัช อยู่เย็น ที่ยิงไกล แต่บอลเบาไปเข้ามือ มอสตาฟา มาตาร์ รับกินสบาย

จากนั้นนาทีที่ 57 เลบานอน ก็มาตีเสมอ 1-1 สำเร็จ เป็นจังหวะที่ ฮัสซัน มาทุ๊ก จ่ายตบจากด้านซ้ายมาให้ บาสเซล จราดี ที่ไร้ตัวประกบยิงแบบไม่จับเข้าไป

ผ่าน 60 นาที ฝนเริ่มโปรยลงมาที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี โดย เลบานอน เปลี่ยนไปแล้ว 4 คน แต่แข้งไทย ยังไม่มีการเปลี่ยนตัว

นาทีที่ 69 ไทยเปลี่ยนตัวโควต้าแรกโดย ปกเกล้า อนันต์ ลงไปแทน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เพื่อนร่วมทีม แบงค็อก ยูไนเต็ด

นาทีที่ 85 ทีมชาติไทย มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ สารัช อยู่เย็น จ่ายวางไปทางขวาให้ นิโคลัส มิคเคลสัน สับหลอกผู้เล่นเลบานอน ก่อนเปิดด้วยซ้ายให้ ธีรศิลป์ แดงดา โหม่งจ่อๆ เข้าไปพร้อมเป็นประตูที่ 64 ในนามทีมชาติ จากการลงเล่น 125 นัดไทย กลับมานำ 2-1

ช่วงทดเจ็บ 6 นาที ไทยที่เน้นเกมรับ เพื่อหวังรักษาสกอร์ ขนาดที่ เลบานอน ลุยหนักเพื่อหวังประตูตีเสมอยื้อไปยิงจุดโทษ แต่ทว่าไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ทีมชาติไทย ผ่านเข้าชิงชนะเลิศกับ อิรัก ที่ชนะดวลจุดโทษ อินเดีย โดยจะชิงชนะเลิศ ในวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน เวลา 20.30 น.

รายชื่อ 11 ตัวจริง “ช้างศึก”
ทีมชาติไทย ( 3-4-2-1) : ฉัตรชัย บุตรพรม (ผู้รักษาประตู) – พรรษา เหมวิบูลย์ , กฤษดา กาแมน ,วีรเทพ ป้อมพันธุ์ –  นิโคลัส มิคเคลสัน, ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น, บดินทร์ ผาลา,-สุภโชค สารชาติ, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์-  ธีรศิลป์ แดงดา